เคล็ดลับแต่งคอนโดสวยด้วยงบเบาๆ (ตอนที่ 1)

Photo by วริศ กมลาศน์ ณ อยุธยา

ถึงคอนโดมิเนียมจะเป็นที่พักอาศัยที่ไม่ใหญ่ไม่โต แต่การตกแต่งคอนโดก็ถือเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าอยากได้ห้องสวยๆ ด้วยงบประมาณเบาๆ ครั้งนี้เรามีเคล็ดลับที่ช่วยให้สามารถแต่งห้องได้ดั่งใจในราคาสบายกระเป๋าจาก คุณวาว – วริศ กมลาศน์ ณ อยุธยา Design Director แห่ง Be Workshop Co., Ltd. ผู้เชี่ยวชาญด้านงานตกแต่งภายในมาฝากกัน

Photo by Be Workshop

อยากแต่งคอนโดเองในราคาประหยัด ต้องเริ่มจากตรงไหน
ก่อนอื่นต้อง “กำหนดวัตถุประสงค์” ว่าเป็นคอนโดสำหรับอาศัยถาวรหรือแค่ชั่วคราว มีบ้านของตัวเองอยู่แล้วหรือเปล่า บ้านที่มีอยู่เป็นสไตล์ไหน อยากให้คอนโดนี้แตกต่างหรือคล้ายคลึงกับบ้านที่มีอยู่แล้ว ถ้ามาอยู่คอนโดเพราะใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวก หรือเป็นบ้านหลังที่สอง ก็อาจต้องตกแต่งคอนโดให้น้อยๆ เรียบๆ หน่อย ถ้าต้องการให้เป็นที่พบปะสังสรรค์ของเพื่อนๆ อาจมุ่งเน้นตกแต่งเพื่อตอบโจทย์ด้านภาพลักษณ์ มากกว่าเน้นฟังก์ชันการเก็บของเยอะๆ

บางคนอาจซื้อคอนโดเพื่อลงทุนปล่อยให้เช่า กรณีนี้การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่จะมาเป็นผู้เช่าก็สำคัญ ถ้าคอนโดอยู่ใกล้ สถานศึกษา ผู้เช่าเป็นนักศึกษา กลุ่มวัยรุ่น ก็จะมีความต้องการหรือมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากวัยทำงาน อาจต้องเน้นความแข็งแรงทนทาน ดูแลรักษาง่ายหรือเปลี่ยนง่ายเมื่อมีการเสียหาย ถ้ามีคอนโดไว้เพื่อปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติ ความต้องการก็จะแตกต่างออกไป

ควรตั้งงบประมาณตกแต่งคอนโดอย่างไรให้เหมาะสม
เมื่อเข้าใจวัตถุประสงค์ของตัวเองที่ชัดเจนแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนการตั้งงบประมาณ เริ่มจากจัดกลุ่มของตกแต่งเป็นแบ่งหมวดหมู่คร่าวๆ เพื่อกำหนดสัดส่วนค่าใช้จ่าย เช่น เฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน (ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ) เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว (โซฟา เตียง เก้าอี้) วัสดุตกแต่งพื้นผิวผนัง (ผนังกรุไม้ ผนังกรุหิน วอลล์เปเปอร์ หรือทาสี) ม่าน ของตกแต่งอื่น กำหนดสัดส่วนความสำคัญว่าจะให้ความสำคัญแก่ส่วนไหน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าคิดไม่ออกก็ตั้งไว้เท่าๆ กันก่อน

สมัยนี้สามารถศึกษาต้นทุนและราคาวัสดุตกแต่งต่างๆ ได้ไม่ยากจากในอินเทอร์เน็ต แล้วตรวจสอบว่าจะเลือกวัสดุหรือเฟอร์นิเจอร์ระดับไหน เกรดไหน หรือแบรนด์ไหน ซึ่งในส่วนนี้ต้องอาศัยรสนิยม ประสบการณ์ และความพอดี ความสมดุลหรือความพอดีนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ผมลองยกตัวอย่าง ถ้ามีของแต่งห้องอยู่ 10 อย่าง ทุกอย่างสวยและแพงหมด สุดท้ายพอมาจัดวางรวมกัน มันก็อาจจะไม่สวยและไม่ได้ดูดีอย่างที่คิด การออกแบบที่ดีต้องมีพระเอก พระรอง อาจแนะนำให้ต้องปรึกษาอินทีเรียดีไซเนอร์ เพราะจะเป็นผู้มีประสบการณ์ ชำนาญ รู้จักสไตล์และระดับของสินค้า ช่วยคัดกรองลำดับความสำคัญและสร้างความสมดุลได้ดีกว่า

Photo by Be Workshop

เลือกตกแต่งคอนโดในสไตล์ไหนที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูดีด้วย
ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าที่เราเลือกมากกว่า สำหรับเจ้าของบ้านในยุคนี้ต้องถือว่าโชคดีนะครับ เพราะตลาดการตกแต่งค่อนข้างแข่งขันสูง มีตัวเลือกให้ผู้บริโภคมาก ของตกแต่งในสไตล์ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ ราคาจะไม่แพงมาก เพราะมีผู้ผลิตแข่งขันกันเยอะ แต่การตกแต่งห้องตามแฟชั่นก็อาจทำให้รู้สึกเบื่อเมื่อหมดกระแสไป ตกแต่งให้เรียบๆ น้อยๆ แต่อยู่ได้นานๆ จะดีกว่า อย่ายึดติดกับสไตล์มากจนเกินไป เราสามารถผสมผสานเฟอร์นิเจอร์หลายๆ แบบได้ แต่ที่สำคัญคือต้องเป็นตัวเอง หรือเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายตามที่กล่าวมาข้างต้นครับ

แค่ตอนแรกก็ได้แนวคิดดีๆ กันไปไม่น้อยแล้ว แต่เคล็ดลับจากคุณวาวยังเหลืออีกหนึ่งตอน ในตอนหน้าคุณวาวจะมาพูดถึงปัญหาต่างๆ ที่เราอาจพบเจอในการแต่งคอนโด ติดตามกันได้ที่ ChivitD เร็วๆ นี้

ตู้เสื้อผ้า…ทำไมต้องปิด

หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่กินพื้นที่ และไม่ค่อยตอบสนองไลฟ์สไตล์ของชีวิตยุคใหม่ก็คือตู้เสื้อผ้า เทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้เรามีเสื้อผ้าและเครื่องประดับมากมายจนยากจะเก็บไว้ในตู้ไม่กี่ใบ หรือถ้าหาทางเก็บเข้าไปได้จริงๆ มันก็แน่นและแออัดเกินไปจนหาของไม่ค่อยเจอ จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายบ้านอยากจะโยนตู้เสื้อผ้าแบบเดิมๆ ทิ้งไป แล้วใช้ตู้เสื้อผ้าแบบอื่นๆ ที่เปิดกว้างและสร้างสรรค์กว่า

สำหรับผู้ที่ไม่มีข้อจำกัดในการใช้พื้นที่ Walk-in Closet คือตู้เสื้อผ้าในฝัน เพราะมันใหญ่พอที่จะจัดวางเครื่องแต่งกายได้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ และไม่ต้องกังวลว่าจะเก็บเสื้อผ้าที่เพิ่งช็อปปิ้งมาไว้ที่ไหนดี ขนาดของ Walk-in Closet ขึ้นอยู่กับจำนวนของที่เราอยากจะเก็บเอาไว้ ซึ่งอาจใช้พื้นที่เพียงบางส่วนของห้อง หรือใช้ทั้งห้องเลยก็ได้ นอกจากของจำเป็นอย่าง ราวแขวนเสื้อ ตู้ ลิ้นชัก กระจกเงา และไฟสว่างๆ แล้ว อย่าลืมวางม้านั่งเก๋ๆ สักตัว เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายระหว่างเลือกเสื้อผ้า และสร้างบรรยากาศให้เหมือนห้องลองเสื้อของร้านตัดเสื้อหรูๆ

ส่วนบ้านที่ไม่มีพื้นที่มากพอสำหรับ Walk-in Closet ก็อาจลดขนาดลงมาเป็น Reach-in Closet ตู้เสื้อผ้าที่ฝังเข้าไปในผนัง ซึ่งสามารถติดตั้งราวแขวนเสื้อและชั้นต่างๆ ได้มากกว่าตู้เสื้อผ้าทั่วไป และช่วยให้ผนังดูเรียบโล่ง ไม่มีอะไรมาเกะกะสายตา

แต่ถ้าReach-in Closet ยังใช้พื้นที่มากเกินไป ทางเลือกที่น่าสนใจคือ Open Closet ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ เพราะทั้งดูดีมีสไตล์ และประหยัดเวลาในการหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่

ผู้ที่มีห้องนอนกว้างๆ อาจยกผนังฝั่งหนึ่งเพื่อทำเป็น Open Closet โดยติดตั้งชั้นวางของเหนือศีรษะ ราวแขวนเสื้อ และตู้ลิ้นชักแบบบิลต์-อินให้เพียงพอกับจำนวนเสื้อผ้าที่มีอยู่ ถึงจะดูเหมือนใช้พื้นที่พอๆ กับการตั้งตู้เสื้อผ้า แต่ Open Closet จะช่วยให้ห้องดูปลอดโปร่งมากกว่า สำหรับเรื่องของดีไซน์นั้น เจ้าของบ้านบางคนอาจชอบแบบเรียบๆ ที่กลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ในบ้าน แต่แฟชั่นนิสต้าหลายคนก็จัดเต็มกับสิ่งนี้ ด้วยการใช้วัสดุตกแต่งที่มีสไตล์ และการจัดแสงอย่างมืออาชีพ จนทำให้ Open Closet ดูโดดเด่นราวกับยกดิสเพลย์จากร้านของแบรนด์แฟชั่นดังๆ มาตั้งไว้ที่บ้านเลยทีเดียว

หากไม่อยากใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์-อิน ก็สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่มีอยู่ในท้องตลาด เช่น ราวแขวนเสื้อแบบตั้งพื้น ชั้นวางของที่ถอดประกอบและเลือกจำนวนชั้นเองได้ ตู้ลิ้นชักที่ซ้อนทับกันได้ และตู้เก็บรองเท้า ให้กลายเป็น Open Closet ที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องได้เช่นกัน

สิ่งที่ต้องระวังสำหรับตู้เสื้อผ้าที่ไม่มีประตูเหล่านี้ก็คือแสงแดดและฝุ่น ควรเลือกตำแหน่งตู้เสื้อผ้าที่ไม่ได้รับแสงแดดตรงๆ ตลอดทั้งวัน และคอยทำความสะอาดพื้นและชั้นต่างๆ อยู่เสมอ

เพียงเท่านี้ เราก็จะมีตู้เสื้อผ้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของเรา

สวนในห้องน้ำ ความงามจากธรรมชาติ

สำหรับคนรักธรรมชาติ พื้นที่สีเขียวในบ้านเป็นสิ่งที่มีมากเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ แต่ถ้าสวนนอกบ้านเริ่มแออัดไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดแล้ว ทำไมไม่ลองขยายพื้นที่สีเขียวเข้ามาในบ้านดูบ้าง โดยเฉพาะในห้องน้ำซึ่งมีสภาพแวดล้อมชุ่มชื้นเหมาะแก่การปลูกต้นไม้

สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนลงมือออกแบบสวนในห้องน้ำก็คือปริมาณของแสงธรรมชาติ และขนาดพื้นที่ของห้องน้ำ บ้านที่มีห้องน้ำกว้าง และมีช่องเปิดรับแสงมากเพียงพอ จะมีทางเลือกในการสร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวมากกว่า ผู้พักอาศัยสามารถจัดวางกระถางไม้ประดับที่มีขนาดต้นใหญ่สักหน่อย เช่น เฟิร์นข้าหลวง, ไผ่ฟิลิปปินส์, จั๋ง, คล้า, เขียวหมื่นปี, สาวน้อยประแป้ง ฯลฯ เพื่อเนรมิตสวนขนาดย่อม แต่ควรหลีกเลี่ยงการนำไม้ดอกเข้าไปในห้องน้ำ เพราะอาจดึงดูดฝูงผึ้งให้บินเข้าไปในห้องน้ำได้

พื้นที่จัดวางต้นไม้ควรแยกออกจากพื้นที่ใช้งานของห้องน้ำ หรือจะกั้นผนังกระจกให้เป็นสัดส่วนไปเลยก็ได้ และต้องทำระบบระบายน้ำแยกจากกันด้วย เพื่อป้องกันปัญหาท่ออุดตัน สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาด คือตรวจสอบต้นไม้อย่างละเอียดก่อนนำเข้าห้องน้ำ เพื่อดูว่ามีแมลงและวัชพืชมีพิษติดมากับต้นไม้ด้วยหรือไม่

สำหรับห้องน้ำขนาดเล็กและมีช่องเปิดรับแสงน้อย ควรตกแต่งด้วยไม้ประดับที่สามารถเติบโตในกระถางหรือขวดแก้ว และไม่ต้องการแสงแดดมากนัก เช่น พลูด่าง, ไผ่กวนอิม, เฟิร์นบอสตัน, เฟิร์นเงิน, ลิ้นมังกรแคระ, ลิ้นมังกรครีบปลาวาฬ, แคกตัส ฯลฯ โดยจัดวางกระถางไว้ตามมุมต่างๆ หากต้องการให้พื้นที่สีเขียวมีความโดดเด่น ก็สามารถนำเทคนิคการจัดสวนแนวตั้งมาประยุกต์ใช้ได้ โดยติดตั้งกระเป๋าสวนแนวตั้งบนผนัง แล้วใส่กระถางต้นไม้ให้เต็มกระเป๋าทุกช่อง เพื่อสร้างผนังห้องน้ำที่เขียวชะอุ่มเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าชอบสวนที่ดูโปร่งโล่ง ให้ติดตั้งชั้นวางของที่มีขนาดพอเหมาะ แล้วจัดวางกระถางต้นไม้ให้สวยงาม

ใช่ว่าห้องน้ำทุกห้องจะมีความชื้นและแสงสว่างที่เหมาะสำหรับการจัดสวน ในช่วงแรกจึงควรนำต้นไม้ไปทดลองวางในห้องน้ำเพียงไม่กี่ต้นก่อน รอดูจนมั่นใจว่าต้นไม้เติบโตได้ดี จึงนำต้นไม้เข้าไปเพิ่ม แต่ถ้าต้นไม้เหี่ยวเฉาก็อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การตกแต่งด้วยต้นไม้เทียม หรือการติดวอลล์เปเปอร์ที่มีลวดลายของธรรมชาติ

การดูแลรักษาสวนในห้องน้ำไม่ต่างจากการดูแลสวนตามปกติ ผู้พักอาศัยต้องคอยรดน้ำต้นไม้เป็นประจำตามความต้องการของต้นไม้แต่ละสายพันธุ์ หมั่นตัดแต่งใบไม้ที่เหี่ยวเฉาเพื่อไม่ให้ร่วงลงไปอุดตันท่อระบายน้ำ เปลี่ยนน้ำในที่รองกระถางอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันยุงวางไข่ และเพื่อความปลอดภัยของผู้พักอาศัย ไม่ควรใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงเด็ดขาด

เพียงเท่านี้ เราก็จะมีพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ในบ้าน และทำให้ทุกนาทีในห้องน้ำมีความรื่นรมย์มากยิ่งขึ้น

วอลล์เปเปอร์และกระเบื้องแบบลอกออกได้: แค่แปะ บ้านก็เปลี่ยน

เมื่อการแต่งบ้านกลายเป็นงานอดิเรกของใครหลายคน ของแต่งบ้านยุคใหม่จึงออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย ถอดได้ ย้ายสะดวก เพื่อเอาใจเจ้าของบ้านขี้เบื่อผู้มักจะลุกขึ้นมาปรับบ้านใหม่ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง รวมถึงวัสดุตกแต่งผนังด้วย

วอลล์เปเปอร์แบบเดิมๆ นั้นต้องทากาวเพื่อให้ยึดติดกับผนัง เวลาติดก็ยุ่งยาก ถ้าอยากลอกออกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทำให้หลายบ้านเลือกที่จะทาสีผนัง ทั้งที่อยากติดวอลล์เปเปอร์ลายสวยๆ มากกว่า

ถ้าอยากเปลี่ยนสไตล์ของผนังห้องแบบสะดวกสบาย ทางเลือกที่น่าสนใจคือวอลล์เปเปอร์แบบลอกออกได้ (Peel and stick wallpaper หรือ Temporary wallpaper) วอลล์เปเปอร์แบบนี้มีกาวในตัว ทำให้เจ้าของบ้านสามารถติดได้ด้วยตัวเอง หลังจากวัดขนาดผนัง ตัดวอลล์เปเปอร์ให้ได้ขนาดที่ถูกต้องแล้ว แค่ลอกกระดาษด้านหลังออกเหมือนลอกสติ๊กเกอร์ แล้วติดวอลล์เปเปอร์บนผนังได้ทันที ส่วนเวลาที่อยากเปลี่ยนลายใหม่ ก็ลอกวอลล์เปเปอร์ออกมาจากผนังได้เลย โดยไม่ต้องกังวลว่าสีจะหลุดร่อนตามมา

อีกหนึ่งไอเท็มสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนวัสดุแต่งผนังบ่อยๆ คือกระเบื้องแบบลอกออกได้ (Peel and stick tile) จริงๆ แล้วมันไม่ใช่กระเบื้อง แต่เป็นแผ่นไวนิลหรือพลาสติกลวดลายเหมือนกระเบื้องและมีกาวในตัว วิธีติดก็เหมือนกับวอลล์เปเปอร์แบบลอกออกได้ เพียงลอกกระดาษที่รองด้านหลังออกแล้วแปะเข้ากับผนัง หากเบื่อลายนั้นแล้ว ก็สามารถลอกออกได้ง่ายๆ เช่นกัน

Photo by Roca Tile USA
ในต่างประเทศนิยมติดกระเบื้องแบบลอกออกได้บริเวณผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าและอ่างล้างจาน ซึ่งเป็นจุดที่น้ำกระเซ็นไปเกาะเป็นคราบอยู่เสมอ เพราะเมื่อกระเบื้องเริ่มสกปรกจนไม่น่ามอง ก็สามารถลอกออกแล้วแปะแผ่นใหม่แทนได้ง่ายดาย แต่ใช่ว่ากระเบื้องแบบลอกออกได้จะเหมาะสำหรับพื้นที่ใกล้น้ำเพียงอย่างเดียว เนื่องจากกระเบื้องแบบนี้มีความมันวาวมากกว่ากระเบื้องจริง ทำให้เหมาะที่จะใช้ตกแต่งผนังห้องที่ต้องการความมันวาวมากเป็นพิเศษ

วอลล์เปเปอร์และกระเบื้องแบบลอกออกได้ยังเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ตกแต่งอพาร์ทเม้นท์หรือหอพัก ซึ่งผนังห้องมักเต็มไปด้วยร่องรอยการใช้งานจากผู้เช่าคนก่อนๆ ส่วนผู้มีไอเดียแต่งบ้านก็สามารถนำวัสดุทั้ง 2 อย่างนี้มาตกแต่งเฟอร์นิเจอร์อย่าง ตู้ โต๊ะ หรือ เก้าอี้ เพื่อให้มีลวดลายเข้ากับผนังห้องได้อีกด้วยถือเป็นวัสดุตกแต่งผนังที่ช่วยเปลี่ยนลุคของบ้านได้อย่างง่ายๆ และเปลี่ยนได้บ่อยครั้งตามต้องการ