3 เทคโนโลยีล้ำๆ ดีๆ ที่เหมาะสำหรับคนเป็นภูมิแพ้หรือผิวแพ้ง่าย

ภูมิแพ้และผิวที่แพ้ง่าย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ใครที่ประสบปัญหาเดียวกัน

อ่ะ…ขอให้ยกมือขึ้น!

ขึ้นชื่อว่า “เป็นภูมิแพ้และผิวแพ้ง่าย” หลายคนที่มีปัญหานี้ก็อาจจะบ่นอยู่บ่อยๆ ว่า ใช้อะไรก็แพ้ นู่นนี่นั่นก็ต้องเลือกเยอะ เลือกมากกว่าคนอื่น ใช้ของทั่วไปไม่ได้ แต่ถ้าเรามองอีกแง่ มันคือจุดกระตุ้นที่ทำให้เราเลือกสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิต ให้กับของใช้ ให้กับผิวของเรานะ สังเกตสิว่า ถ้าเรามีเพื่อนหรือคนใกล้ตัวเป็นภูมิแพ้หรือมีปัญหาเรื่องผิวแพ้ง่าย มั่นใจได้เลยว่าของที่เขาเลือกใช้ติดบ้านหรือกับผิวเนี่ย จะต้องดีงาม ใช้ตามแล้วอ่อนโยน ปลอดภัยชัวร์ ไม่มีผิดหวัง

ในยุคที่อะไรๆ ก็เป็นเทคโนโลยีแบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีเทคโนโลยีดีๆ ล้ำๆ สำหรับคนขี้แพ้ อ่ะๆๆ ไม่รอช้ามี 3 เทคโนโลยีที่อยากจะแนะนำ คัดมาพูดแต่สิ่งดีๆ อ่ะเนอะ ที่ไม่ดีจริงไม่อยากพูดถึง เจ็บคอ

 

1.ฝักบัวที่ทำให้ผิวไม่แพ้

เปิดประเด็นเรื่องผิวกันก่อนเลยเป็นอันดับแรก เพราะเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตลอด โดยเฉพาะการอาบน้ำก็เป็นอะไรที่ต้องทำทุกวันเหมือนการนอนพักผ่อน และการดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้ว เพื่อชำระคราบเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกต่างๆ นานา คนที่แพ้ง่ายจำเป็นต้องบรรจงเลือกแชมพู ยาสระผม ครีมนวด สบู่ที่เป็นออร์แกนิค เพื่อให้ปราศจากสารทำร้ายผิว ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ และไม่ทิ้งสารตกค้าง รวมไปถึงการเลือกโลชั่น ครีมบำรุงต่างๆ ด้วย แต่ก็ยังมีปัญหาว่า “อ้าว ทำไมผิวก็ยังแห้ง ยังดูไม่สุขภาพดี หรือครีมที่ใช้จะไม่ดี และไม่ได้ผล?”  คำถามต่างๆ ประเดประดังเข้ามาจ้า อยากให้ลองสังเกตสักหน่อยว่า นอกจากสิ่งสรรพที่นำมาทำความสะอาดและบำรุงผิวแล้ว เราได้มองข้ามความสะอาดของสิ่งใกล้ๆ ตัวอย่าง น้ำที่ใช้อาบกันบ้างหรือเปล่า? น้ำประปาที่ใช้อาบ มักมีคลอรีนปนเปื้อนมาด้วยทำให้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผิวของเราเกิดการแพ้ แต่ก็เข้าใจได้ว่าในยุคที่อะไร ก็ต้องเร็ว เวลารีบเร่งไปหมด จะให้ต้มน้ำอาบทุกวันก็ยังไงอยู่ หรือแม้กระทั่งกรองน้ำอาบก็ยังทิ้งสารบางอย่างเอาไว้ การเลือกฝักบัวอาบน้ำที่สามารถกรองคลอรีนได้ในตัว ทำให้น้ำสะอาดพร้อมอาบได้จึงเป็นอะไรที่เลิศ!!

ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นมา เช่น Activated Carbon, Calcium Sulfite, Vitamin C ที่ช่วยกรองคลอรีนในน้ำให้สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย ตัวที่ใช้กันมากในเครื่องกรองน้ำที่มีติดไว้แทบทุกบ้าน คือ Activated Carbon แต่ตัวนี้จะใช้เวลากรองน้ำนานเลยไม่ค่อยเหมาะสำหรับการอาบน้ำเท่าไหร่ ป่ะ…ดูอย่างต่อไป

ถัดมาคือ สาร Calcium Sulfite ตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการกรองคลอรีนอิสระให้เหลือในน้ำน้อยที่สุดจนไม่ส่งผลร้ายต่อผิวหนังและเส้นผม แต่ก็ไม่ลดทอนแรงดันน้ำที่ออกมานะเออ มี 2 รูปแบบคือแบบผงและแบบเม็ด แนะนำให้ใช้เป็น “แบบผง” จะดีสุด! เวิร์คสุด! ละเอียดกว่า แทบไม่เหลือสิ่งปนเปื้อนที่มองไม่เห็น แบบเม็ดก็ถูกใช้บ้างเหมือนกันแต่จะกรองได้หยาบกว่านั่นหมายถึงสิ่งปนเปื้อนมีสิทธิ์หลุดออกมาได้จ้า ส่วนตัวสุดท้าย ได้แก่ ฟิลเตอร์ Vitamin C สามารถกรองคลอรีนได้แต่ติดที่ราคาค่อนข้างสูง ใช้ได้กับน้ำเย็นหรืออุณหภูมิห้อง แต่ใช้กับน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นไม่ได้ ใครที่ชอบอาบน้ำอุ่นโบกมือลาได้เลย

ดังนั้นสิ่งที่ถูกคิดค้นแล้วคอนเฟิร์มว่าดีจริง และใช้ได้ผลมากที่สุดก็คือ Calcium Sulfite แบบผง เพราะสามารถกรองคลอรีนได้ประสิทธิภาพสูงสุด ละเอียดสุด ไม่มีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ แถมยังมีประสิทธิภาพสูงทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น เหมาะกับพฤติกรรมการชอบอาบน้ำอุ่นของคนไทยแบบเราๆ ที่เป็นเมืองร้อนแต่ชื่นชอบการอาบน้ำอุ่น และเปิดแอร์ฉ่ำๆ ว๊ายย > <

cr.www.kudos.co.th

 

2.อุปกรณ์ขนาดเล็กสำหรับตรวจหาสารที่ทำให้แพ้

มาถึงเทคโนโลยีที่เอาใจสายกินกันบ้างดีกว่าค่ะ โอ๊ย ช่วงนี้รีวิวของกินเยอะไปหมด ดังนั้นเรื่องกินของคนที่แพ้อะไรง่ายๆ ก็ควรใส่ใจเช่นกัน จะดีแค่ไหนถ้าเรามีอุปกรณ์จิ๋ว ขนาดเท่าฝ่ามือ พกพาง่ายแต่การใช้งานระดับจักรวาลอย่าง Ally  หรือเครื่องสำหรับตรวจสารที่ทำให้แพ้ นอกจากเราจะหลีกเลี่ยงการแพ้ ยังรู้ได้อีกว่า เราแพ้อะไร ครั้งต่อไปจะได้ระวังและไม่ไปแตะต้องเนอะ ถูกออกแบบโดยนักศึกษาของมหาวิทยาลัย Brunel  ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และรู้ผลภายใน 60 วินาที!!  แต่มีข้อจำกัดคือตอนนี้ยังทดสอบได้เพียงพวกแลคโตสหรือโปรตีนในนมเท่านั้น สิ่งดีๆ แบบนี้ต้องคอยสนับสนุนจะได้พัฒนาต่อให้ดีขึ้นไปในอนาคต

cr.www.dezeen.com

 

3.ULTRAFINE TECHNOLOGY เทคโนโลยีกรองฝุ่นอย่างเหนือชั้นในเครื่องปรับอากาศ

ฝุ่น กรี๊ดดดดดดด มันร้ายมากค่ะหัวหน้า สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ ฝุ่นเป็นปัจจัยสำคัญ ปัจจัยแรกๆ ที่มีผลมากที่สุด! โดยเฉพาะช่วงนี้เราจะได้ยินว่า ทุกวันนี้มีฝุ่นในอากาศหลายชนิดมากๆ และบางชนิดก็เล็กมากกว่าเส้นผมของเราซะอีก เรียกกันว่า PM2.5  ยิ่งฝุ่นเล็กมากเท่าไหน ก็จะยิ่งแทรกเข้ามาภายในร่างกายและทำให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้มากมาย ดังนั้นจึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีดักจับฝุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง ULTRAFINE TECHNOLOGY ขึ้นมา โดยจะใช้ระบบ Hi-Voltage Electrostatic ดักจับฝุ่นที่มีขนาด 0.01 ไมครอนได้ ผ่านการทดสอบจากสถาบันญี่ปุ่น ปัจจุบันถูกใช้ในแอร์ฟอกอากาศบางยี่ห้อ feel good สุดๆ ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นของทางแบรนด์นั้นๆ แถมยังสามารถลดสารก่อมะเร็งภายในร่างกายได้ด้วย เพราะสารร้ายๆ พวกนี้มาจากฝุ่นรอบตัวนี่แหละ

cr.it24hrs.com,posttoday.com

 

ดีงามอะไรขนาดนี้ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้และผิวแพ้ง่าย ยังไงก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และปลอดภัยอ่อนโยนต่อผิวอยู่เสมอ เทคโนโลยีล้ำๆ และสามารถปรับใช้กับชีวิตให้ง่ายและสะดวกขึ้นยังมีอีกเพียบ! ไว้เจอ “ของเล่นสำหรับคนยุคใหม่ที่เป็นภูมิแพ้และคนผิวแพ้ง่าย” อีก จะนำมาบอกเล่าเก้าสิบกันอีกน้า

Eco Living: อยู่ร่วมกับพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติ

Photo by stu/D/O Architects

ในยุคนี้แค่มีบ้านสวยๆ หรือคอนโดฯ เก๋ๆ ยังไม่เพียงพอ เจ้าของบ้านจำนวนมากจึงมองหาพื้นที่สีเขียวที่เติมความสดชื่นให้กับการอยู่อาศัย รวมทั้งให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น หากสนใจการปรับปรุงบ้านเพื่อการใช้ชีวิตแบบ Eco Living เรามีบทสัมภาษณ์ของ คุณดิว – ชนาสิต ชลศึกษ์ สถาปนิกมือรางวัลจากบริษัท stu/D/O Architects ผู้ออกแบบโครงการที่โดดเด่นด้านพื้นที่สีเขียว อย่าง Naiipa Art Complex และ Gliding Villa มาฝากกัน

ควรมีพื้นที่สีเขียวประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่บ้าน
สำหรับสถาปนิก ขนาดของพื้นที่สีเขียวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งขนาดของพื้นที่ ความต้องการของเจ้าของบ้าน และขนาดของพื้นที่ในแต่ละส่วน โดยเราจะพยายามเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโครงการนั้นๆ มากที่สุด ในแนวทางที่ต่างกันไปตามความเหมาะสม

ถ้าเป็นทาวน์โฮมหรือคอนโดมิเนียม จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างไรดี
เราต้องพยายามออกแบบพื้นที่ใช้งานแต่ละส่วนให้ Compact และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการใช้วิธีต่างๆ เช่น การทำ Roof Garden และ Vertical Garden

เมื่อปลูกต้นไม้ในบ้าน มักตามมาด้วยปัญหาแมลง นก หรือสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์ เจ้าของบ้านสามารถป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง
ควรออกแบบให้สามารถแยกพื้นที่ของต้นไม้ในบ้านออกจากพื้นที่ใช้งานภายในบ้าน โดยการใช้กระจกหรือมุ้งลวด เพื่อให้อากาศถ่ายเท และมองเห็นสวนจากภายในได้ รวมถึงกันแมลงหรือนกด้วยตาข่าย

Photo by stu/D/O Architects

นอกจากการปลูกต้นไม้แล้ว มีวิธีใดบ้างที่ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว หรือทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกว่าใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
เราสามารถใช้บัวหรือสวนกรวดมาทดแทน รวมไปถึงการใช้วัสดุที่เป็นธรรมชาติก็มีผลกับความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย

ถ้าอยากให้บ้านเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ควรปรับปรุงบ้านอย่างไรดี
สามารถทำได้โดยการมองไปถึงเรื่องพลังงานทดแทน เช่น Solar Cell รวมไปถึงการออกแบบที่ใช้ Passive Design (การออกแบบที่ใช้ประโยชน์จากภูมิอากาศ) เพื่อลดการใช้พลังงาน

วัสดุตกแต่งบ้านแบบใดบ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือวัสดุธรรมชาติที่สามารถนำไป Recycle ได้ และควรมองหาวัสดุที่มีค่า Embodied Energy ต่ำ ซึ่งเป็นค่าที่แสดงถึงปริมาณพลังงานที่ใช้ในการผลิตวัสดุนั้นๆ

Photo by stu/D/O Architects

ขณะนี้มีเทคโนโลยีประหยัดพลังงานใดบ้างที่น่าสนใจ
การนำระบบเซ็นเซอร์รวมไปถึงระบบจักรกลอัตโนมัติ (Automation) มาควบคุมการใช้พลังงานโดยรวมภายในบ้าน อาทิเช่น ควบคุมระบบส่องสว่าง ควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งสามารถช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นลงได้มาก โดยทำงานร่วมกับการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

หากมีงบประมาณในการปรับปรุงบ้านจำกัด ควรปรับปรุงจุดใดของบ้านก่อนเพื่อให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
ควรปรับปรุงในส่วนที่รับความร้อนมากๆ โดยเฉพาะหน้าต่าง เพื่อให้ภายในห้องได้รับความร้อนน้อยลง รวมถึงห้องที่ไม่มีการระบายอากาศที่ดี ก็ควรปรับปรุงให้มีการระบายอากาศแบบลมพัดผ่าน (Cross Ventilation) ด้วย

สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมใหม่จะรู้ได้อย่างไรว่าโครงการใดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมบ้าง
ควรจะดูตั้งแต่การวางทิศทางของอาคารและห้อง รวมถึงการป้องกันความร้อนที่จะเข้ามาในอาคาร หรือดูว่าสามารถเปิดหน้าต่างให้มีอากาศถ่ายเทได้หรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ช่วยลดภาระในการทำความเย็น ทำให้เราใช้พลังงานน้อยลง ขณะที่พื้นที่สีเขียวบริเวณบ้านหรือในโครงการจะช่วยสร้างภูมิอากาศเฉพาะพื้นที่ (Microclimate) ที่สามารถช่วยลดอุณหภูมิอากาศบริเวณนั้นๆได้

Photo by stu/D/O Architects

สุดท้ายนี้ ขอให้คุณดิวแนะนำเทรนด์แต่งบ้านที่น่าจะมาแรงในปี 2018
น่าจะเป็นการออกแบบที่มีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน เรียบง่าย คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย การใช้งาน สิ่งแวดล้อม และบริบทโดยรอบ

ถือเป็นการตอบสั้น แต่ได้ใจความมาก หากต้องการรู้จักคุณดิวมากขึ้น สามารถเข้าไปชมผลงานได้ที่ www.stu-d-o.com

Photo by stu/D/O Architects